วันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2566

“ZARA ผู้บุกเบิก Fast Fashion จนเป็นแบรนด์แฟชั่นระดับโลก”

 


รูปภาพจาก : https://www.marketingoops.com/campaigns/social-media-marketing-digital/zara-no-model/

    การแข่งขันทางการค้าขายมีมาตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงปัจจุบันนี้ ร้านค้ามากมายต่างที่จะงัดเทคนิคลับเพื่อกระตุ้นยอดขายให้กับร้านของตนเอง แต่ในวันนี้เราจะมาพูดถึงร้านเสื้อผ้าเล็กๆที่เติบโตจนเป็นแบรนด์แฟชั่นระดับโลกกัน ซึ่งนั้นก็คือ ZARA เป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งเมื่อปี 1975 โดยเจ้าของที่มีชื่อว่า Amancio Ortega เขาได้เริ่มก่อตั้งบริษัทและจ้างผู้หญิงในเมืองจำนวน 100 คน เพื่อมาทำหน้าที่ตัดเย็บ โดยคาแรคเตอร์ของแบรนด์นี้แต่เดิมจะเลียนแบบแฟชั่นแบรนด์หรูหราที่กำลังได้รับความนิยมในตอนนั้น แต่ที่เป็นจุดเด่นเลยคือ ใช้วัสดุที่เรียบง่ายและคุณภาพพอใช้ได้ และราคาที่เข้าถึงได้ สามารถหาซื้อได้ง่าย ในปัจจุบัน ZARA อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท Inditex แฟชั่นกรุ๊ปที่เป็นบริษัทแฟชั่นที่ใหญ่ที่สุดในโลก แค่เฉพาะ ZARA ก็มีหน้าร้านมากกว่า 2,200 สาขาทั่วโลกโดยยังไม่รวมกับแบรนด์แฟชั่นในเครือของบริษัท เช่น Pull & Bear , Bershka , Stardivarius เป็นต้น และใช้ดีไซน์เนอร์ทั้งหมด 350 คน และมีพนักงานทั้งหมด 4,000 กว่าคน ซึ่งทางแบรนด์ ZARA ก็มีเทคนิคในการขายสินค้าที่ไม่เหมือนใครถือได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกในวงการแฟชั่นเลยก็ว่าได้



                                            รูปภาพจาก : https://moneyhub.in.th/article/

   

    ในปัจจุบันนี้เราปฏิเสธเลยไม่ได้ว่าแฟชั่นผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วไม่ว่าจะแบรนด์ไหนก็พยายามที่จะคิดค้นออกแบบเพื่อมาแข่งขันกันในตลาดและเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค แต่ในที่สุด ZARA เขาก็สามารถทำได้และเป็นเจ้าแรกของตลาดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่ได้กลายเป็นยักษ์ใหญ่แห่งวงการแฟชั่นโดยใช้เทคนิค fast fashion (fast fashion คือ เสื้อผ้าที่ผลิตตามกระแส ใช้ต้นทุนที่ต่ำ คุณภาพก็จะตามราคาต้นทุน ราคาเข้าถึงง่ายไม่แพง ซื้อง่ายขายคล่อง ไม่เน้นใช้งานระยะยาว)ซึ่งถ้าเป็นปัจจุบันนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ธรรมดามากๆแต่ในสมัยก่อนถือว่าเป็นเทคนิคที่ดูเรียบง่ายและเฉียบแหลมของ Amancio Ortega เจ้าของแบรนด์นี้ ซึ่งในแต่ละปี ZARA จะออกคอลเลคชั่นใหม่ทุกๆ 3 สัปดาห์เลย โดยในแต่ละคอลเลคชั่นจะวางจำหน่ายไม่เกิน 1 เดือนและไม่นำคอลเลคชั่นนั้นมาวางขายต่อพูดง่ายๆคือจะไม่มีการผลิตคอลเลคชั่นนั้นมาจำหน่ายซ้ำอีก ในขณะที่แบรนด์อื่นๆจะวางขายในระยะเวลา 4 เดือน ทาง Amancio Ortega เจ้าของแบรนด์นี้ เขาได้วางรากฐานของบริษัทเอาไว้ว่า การที่จะทำ fast fashion ได้สำเร็จความเร็วคือหัวใจสำคัญ สิ่งที่ต้องทำให้ได้คือทำให้เร็วกว่าคู่แข่งและให้สิ่งที่ลูกค้านั้นต้องการ ในขณะที่ H&M คู่แข่งตัวฉกาจที่เปิดร้านมานานกว่าถึง 30 ปี ที่เน้นในการจับมือกับดีไซน์เนอร์เพื่อออกแบบคอลเลคชั่นที่สร้างแบรนด์ให้ดูมีราคา เช่น Disney, Balmain , Kenzo เป็นต้น จะสังเกตุได้ว่าเสื้อผ้าที่มีการคอลแลปกับดีไซน์เนอร์ชชื่อดังหรือบางคอลเลคชั่นจะมีราคาทึ่สูงกว่าเสื้อผ้าธรรมดาในร้านเสียอีก ซึ่งสามารถทำกำไรได้อย่างมากมาย แต่ ZARA ที่เน้นความรวดเร็วและมีสาขาที่มีน้อยกว่าครึ่งของ H&M ก็สามารถทำกำไรได้พอๆกับ H&M เลยทีเดียว ซึ่งคิดว่า ZARA สามารถทำกำไรได้มากกว่านี้เป็นแน่เพราะพวกเขาบุกตลาดออนไลน์พัฒนาระบบต่อเนื่องเพราะในยุคปัจจุบันนี้เรียกได้ว่าเป็นยุคแห่งโลกออนไลน์ไปแล้วก็ว่าได้



รูปภาพจาก : https://www.therobinreport.com/why-zara-wins-hm-loses-in-fast-fashion/


    นอกจากนี้แนวทางของ ZARA ถือเป็นการเดินเกมที่เหมาะสมมากๆกับตลาดแฟชั่นในปัจจุบัน โดยนักปรัชญาท่านหนึ่ง Immanuel Kant เขาได้กล่าวเอาไว้ว่าแฟชั่นถือว่าเป็นวิถีชีวิตที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ก็เหมือนกับแบรนด์ ZARA ที่ใช้วิธี fast fashion ในการขายสินค้าของตนเอง เพราะผู้บริโภคนั้นมีความต้องการที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ตลอดจน ZARA มีคู่แข่งในตลาดค่อนข้างเยอะทำให้ ZARA จะต้องทำให้ไวและเปลี่ยนแปลงที่เร็วกว่าคู่แข่งในหลายๆแบรนด์ แต่ก็ยังสามาถควบคุมคุณภาพของสินค้าได้ถึงจะไม่ได้ดีมากแต่คุณภาพค่อนข้างใช้ได้เลยทีเดียว รวดเร็วไม่เน้นใช้ระยะยาวถ้าเบื่อซื้อเปลี่ยนใหม่ได้ ทำให้การลงคอลเลคชั่นใหม่ๆทุกๆ 3 สัปดาห์เป็นการกอบโกยรายได้ระยะสั้นที่ดีเลยทีเดียว ยังมีอีกปัจจัยนึงที่ทำให้ ZARA สามารถเติบโตและพัฒนาจนเป็นแบรนด์ใหญ่ระดับโลกได้นั่นก็คือ คาแรคเตอร์ของแบรนด์ ที่สามารถมีฐานลูกค้าที่เยอะตั้งแต่เมื่อก่อนเพราะการมาของ ZARA ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า “Trickle-down Effect” Trickle-down Effect คือ ทฤษฎีการไหลรินจากบนสู่ล่างจากคนชั้นสูงสู่คนชั้นล่าง ในเมื่อคนทั่วไปอยากที่จะใส่แฟชั่นที่อยู่ในระดับ Hi-End แต่มีงบที่จำกัด แต่ ZARA สามารถเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของบุคคลทั่วไปที่อยากจะได้เสื้อผ้าระดับ Hi-End แต่งบน้อยได้ซื้อได้ใส่กันแต่คุณภาพจะไม่เหมือนกันบุคคลทั่วไปก็พอรับได้แถมได้ใส่เสื้อผ้าแฟชั่นที่ทันสมัยและมาแรงในตอนนั้นด้วย แต่จะบอกว่า ZARA ไม่ใช่แค่มีลูกค้าทั่วไปเท่านั้นแต่มีลูกค้าทุกแบบเลยไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่กระเป๋าหนักจนไปถึงงบน้อยเลยเพราะด้วยราคาที่เข้าถึงได้ทำให้บุคคลทุกแบบสามารถเข้าถึงได้ง่ายด้วยนั้นเอง และนี่ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้มูลค่าตลาดของ ZARA สามารถเทียบชั้นกับแบรนด์อื่นๆได้จนถึงทุกวันนี้นั่นเอง



 รูปภาพจาก : https://stylecaster.com/fashion/shopping-guides/1029486/zara-fall-2019-collection-late-summer-transitional/


ขอขอบคุณ

อ้างอิง

1.https://www.zara.com/th/th/z-company-corp1391.html

2.https://www.vogue.co.th/fashion/article/zara20facts

3.https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/zara-data-driven-fashion

ทุกยุคสมัยที่ยังต้องการความดูดี

 


    ย้อนกลับไปในประเทศจีน ในสมัยที่ยังมีนางสนมอยู่สมัยนั้นก็มีเหล่าสาวงามประจำเมืองสำหรับบทความนี้จะมาพูดถึงเทคนิคการดูแลตัวเอง และค่านิยมความสวยของสมัยก่อนของซูสีไทเฮา ในประเทศจีน ซึ่งในสมัยนั้นจะมีการคัดเลือกนางสนมเพื่อที่จะไปเป็นนางสนมของฮ่องเต้ บางคนอยากที่จะเป็นบางคนก็ไม่อยากเป็น ถ้าเกิดถูกคัดเลือกเข้าไปแล้วก็ยังจะต้องประชัดความงามกันอีกงัดไม้เด็ดต่างๆพิชิตใจฮ่องเต้เหมือนกับซีรีย์จีนทั่วไปตามทุกแพลตฟอร์มเลยอารมณ์จะประมาณนั้น ในสมัยก่อนประเทศจีนเชื่อว่าผิวของมนุษย์เราเป็นตัวที่สะท้อนพลังภายใน การที่เราจะงามได้ต้องงามทั้งกายและภายใน เช่นการนอนหลับให้เพียงพอ การมีความสุขในเรื่องต่างๆ และก็ยังมีเคล็ดลับผิวงามฉบับจีนด้วยก็คือ พลังงานชี่ พลังธาตุที่สมดุล ดวงวิญญาณที่สงบนิ่ง สามสิ่งนี้ทางแพทย์แผนจีนเขามั่นใจและเชื่อว่าเป็นเคล็ดลับรากฐานของผิวที่งาม ในปัจจุบันการที่จะมีความสวยความงามได้ก็จะต้องมีการแต่งหน้าเพื่อให้ตนเองดูดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์หรือเครื่องสำอางค์ แต่ในจีนสมัยก่อนนั้นเขามองเพียงแค่ความงามที่เกิดขึ้นจากภายในหรือเรียกว่าความงามระยะยาว ไม่ว่าจะสมัยก่อนหรือสมัยนี้คนจีนเขาก็ไม่ได้ดูแลตัวเองแค่ภายนอกเช่น โปะแป้ง ภายในก็ต้องดูดีด้วย เช่น นั่งสมาธิ ดมอโรม่า นอนหลับให้เพียงพอ ถ้าภายในเราดีมันก็จะสะท้อนผ่านผิวพรรณออกมา อีกทั้ง อีกครั้งในสมัยก่อนผู้หญิงยังชอบต้องค่อยดูแลผิวพรรณ เพราะบ่งบอกถึงสถานะ ถ้าผู้หญิง ที่มีฐานะจะมีผิวที่ขาว เมื่อเทียบกับ ชนชั้นล่าง ก็จะมีผิวคล้ำเพราะต้องทำงานตากแดด

    ในสมัยซูสีไทเฮา หญิงงามในประเทศจีนก็มักจะหาวิธีในการดูแลตัวเองต่างๆนาๆแม้กระทั่งซูสีไทเฮาเองก็มีการดูแลผิวหน้าที่เป็นกิจวัตรประจำวัน เช่น ทาครีมผสมดอกไม้หลายชนิดในตอนเช้า ตอนเย็นมาส์กหน้าด้วยไข่ขาวเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง เป็นต้น และซูสีไทเฮายังทาไข่มุกและกินไข่มุกเป็นประจำ นักวิจัยเผยว่าในสมัยก่อนซูสีไทเฮาใช้อุปกรณ์พิเศษที่เรียกว่า ไม้ลูกกลิ้งหยก ใช้กลิ้งบนผิวหน้าหรือบางคนก็บอกว่ากลิ้งทั้งตัวเลยก็มี เซียนหยกเขาบอกว่าถ้าเป็นหยกคุณภาพดีสามารถช่วยในเรื่องของระบบไหลเวียนเลือด ลดความบวมที่หน้า ลดรอยเหี่ยวย่น ได้อีกด้วย ไม่ใช่แค่นั้นจีนในสมัยก่อนยังใช้น้ำซาวข้าวล้างหน้าเพราะพวกเขาเชื่อว่าหากซาวข้าวพันธุ์ดีในข้าวนั้นก็จะอุดมไปด้วยวิตามินต่างๆที่ช่วยบำรุงผิวหน้าให้หน้าผ่องใสอีกด้วย


นอกจากประเทศจีนแล้วประเทศอื่นที่ยังมีการดูแลผิวหน้าของตนเองในแบบต่างๆ เช่น การอาบน้ำนม การใช้สารบางตัวให้ผิวขาว การใช้ไข่มุกมาบดทาหน้าหรือการกินไข่มุก การใช้น้ำซาวข้าวล้างหน้า ไม่ว่าจะประเทศจีนสมัยก่อนหรือสมัยปัจจุบันพวกเขาก็ยังทำกันอยู่ แม้แต่ในประเทศไทยก็ยังมีการเอาวิธีดังกล่าวมาใช้บ้างจากที่ทางผู้ใหญ่เล่าให้ฟัง หรือผงไข่มุกที่ซูสีไทเฮาใช้ทาหน้าหรือเอาไปรับประทาน พอข้ามไปอีกฟากของโลกปรากฏว่ากษัตริย์ของอียิปต์ที่มีนามว่า คลีโอพัทรา กษัตรย์ฟาโรห์ของอียิปต์ที่ขึ้นชื่อของความยิ่งใหญ่และงดงามที่สุดในอียิปต์ นางเขาก็ใช้ผงไข่มุกมาทาบำรุงที่หน้าเช่นเดียวกับซูสีไทเฮาเลย ยังมีอีกอย่างที่โด่งดังไม่แพ้กันก็คือไม้กลิ้งหยก เจ้าสิ่งนี้โด่งดังไปถึงอเมริกา คนที่นั่นเขาเรียกว่า เจด โรลล์

            เมื่อเรามองกลับมาในปัจจุบันเราจะเห็นผลิตภัณฑ์ต่างๆมากมายหรือวิธีการดูและผิวพรรณของตัวเองให้ดูดีที่ยังมีการใช้ส่วนผสมหรือวิธีการในสมัยก่อนมาปรับใช้ในปัจจุบัน เช่น ครีมบำรุงผิงบางผลิตภัณฑ์ก็มีส่วนผสมของไข่มุก หรือ ในปัจุบันก็ยังมีการล้างหน้าด้วยน้ำซาวข้าวเพื่อให้หน้านุ่มห้าหายมัน หรือสบู่ที่มีสวนผสมของนมก็น้ำมาใช้ในการอาบน้ำซึ่งก็เป็นวิธีโบราณที่คนมีเงินใช้กันในหลายๆที่ หรือการใช้หยกมากลิ้งบนหน้าในปัจจุบันก็ยังมีอยู่หรือบางที่ก็ใช้เป็นการนวดหน้าแต่ไม่มีลูกหยกมากลิ้ง ซึ่งก็ถูกดัดแปลงมาเรื่อยๆในหลายๆประเทศ แต่บางคนก็มีการใช้เครื่องสำอางค์ที่มีส่วนผสมของสารเคมีมาช่วยให้คัวเองสวยดูดีขึ้น จึงทำให้เกิดสารเคทีตกต้างในร่างกายจนทำให้ถึงแก่ชีวิต มันจึงเป็นอีกหนึ่งคำถามที่เราควรหันมาถามตัวเองว่า ความสวยนั้นเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ และเป็นความสวยที่เป็นนิรันดร์หรือไม่



ขอขอบคุณแหล่งที่มาอ้างอิง

รูปภาพ

1.https://th.come4buy.com/collections/facial-care/products/facial-massage-roller (ลูกกลิ้งหยก)

2.http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/16965457/ (น้ำนม)

3.https://esan108.com/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7.html (น้ำซาวข้าว)

คลิปวิดีโอ

1.https://youtu.be/fnauEgw_FDY?si=JbXFqAMvZZgmSaig

2.https://www.youtube.com/watch?v=s2ZJXelRAMw&t=990s

 



วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

แฟชั่นเสื้อผ้าและแฟชั่นในโลกเสมือนจริงเเห่งยุคดิจิทัล

 

แฟชั่นเสื้อผ้าและแฟชั่นในโลกเสมือนจริงเเห่งยุคดิจิทัล


 


แหล่งที่มา : https://www.facebook.com/GamingDose/photos/a.327474470682735/4276857165744426/?paipv=0&eav=AfYH9OLSLcO5K3l4f4wofAVn7QOaPESBDVgmQNBGRMvua7297hKcQzCqLm89fwP9WFw&_rdr

ั้งในอดีตเเละในปัจจุบันเเฟชั่นการเเต่งกายถือเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในสังคม ไม่ว่าจะเป็นการเเต่งกาย  ตามกระเเสสังคมหรือเเม้เเต่การเเต่งกายตามรสนิยมของตัวเอง การเลือกเสื้อผ้าใส่นั้นไม่เพียงเเต่จะสามารถเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองเเต่ยังต้องเลือกใส่ให้มีความเหมาะสมต่อสถานการณ์เเละสถานที่

แหล่งที่มา : https://www.gqthailand.com/style/article/zara-shop-online

ซึ่งก็มีหลายคนได้บอกไว้ว่า “การเลือกใส่เสื้อที่เหมาะสมตามสถานการณ์จะสามารถเพิ่มคุณค่าให้กับตัวเอง" ก็คงจะหมายความว่า การที่เราเลือกใส่เสื้อผ้าโทนสีเรียบร้อย ใส่สูท ไปเข้าร่วมการประชุมกับหัวหน้า ก็มีนักปรัชญาบางคนที่คิดเหมือนกัน หนึ่งในนั้นที่มีชื่อว่า Veblen ก็มีเเนวคิดท่ี่ว่า ผู้ที่มีฐานะสูงจะบริโภคทั้งสินค้าและบริการ เพื่อแสดงสถานะทางสังคมที่สูงขึ้นอีก ยิ่งหรูหราเพียงใดก็เป็นการแสงถึงความร่ำรวยและยกฐานนะของตนเอง เสื้อผ้าก็คือสินค้าที่เราบริโภคจึงเป็นไปเพื่อการแสดงสถานะทางสังคม

ในโลกปัจจุบันที่เป็นยุคของวิทยาศาตร์ ยุคของดิจิทัล โลกInternet ไม่มีการแบ่งแยกอายุใครๆก็สามารถเข้าถึงโลกของ Internet ได้ของเพียงแค่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกและ Internet ก็สามารถใช้งานได้เล้ว การชมเสื้อผ้า Concept ใหม่หรือการเลือกซื้อเสื้อผ้านั้น ไม่จำเป็นต้องไปร้านขายเสื้อผ้าอย่างเดียว เราสามารถเลือกซื้อได้ในโลกของ internet ได้บน platfrom ของทางร้านได้เลยไม่ว่าจะใน website, Instagram, facebook, tikkok เป็นต้น หรือบางเว็บไซต์สามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ของตนเองได้ จะอายุเท่าไร วัยไหนๆก็สามารถออกแบบเสื้อตาม Concept ของตนได้  ไม่ว่าจะออกแบบให้คนที่รัก เพื่อน ครอบครัว หรือจะทำเสื้อเพื่อนำไปแจกก็สามารถทำได้เลยทันทีและรอให้ทางร้านส่งของมาให้ได้เลย


แหล่งที่มา : https://www.instagram.com/diamondoutlet88/

    ทั้งโลกเสมือนและโลกจริงทั้งสองโลกนี้มีความสมดุลด้วยกันอยู่ โลกสองใบนี้ต่างได้รับแรงบรรดาลใจจากกันและกัน อย่างเช่น ในโลกความจริงมีเทรนด์เสื้อไหมพรมแขนยาวและกางขาสั้นแบรนด์ Polo Ralph Lauren ในโลกเสมือนจริงก็จะมีเสื้อไหมพรมแขนยาวและกางขาสั้นเหมือนกัน ซึ่งไม่ใช่แค่โลกเสมือนจริงได้รับแรงบรรดาลใจโลกความจริง โลกแห่งความจริงก็ได้รับแรงบรรดาลใจจากโลกเสมือนเหมือนกัน อย่างเช่น ตัวละครทันจิโร่จากอนิเมะเรื่อง ดาบพิฆาตอสูรได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในโลกแห่งความจริงก็นำตัวละครตัวนี้มาออกแบบเป็นเสื้อผ้าที่มีหลากหลายเกรดหลายราคาสามารถหาซื้อได้ทั่วไปและเกม Minecraft เป็นเกมที่โด่งดังมายาวนานแบรนด์เสื้อผ้าแบรนด์ดังระดับโลก Burberry ก็ได้แรงแรงบรรดาลใจจากเกมนี้มาออกแบบเสื้อผ้าภายใต้ Concept ที่ชื่อว่าBurberry x Minecraftเป็นการร่วมมือกันระหว่าง Burberry และเกม Minecraft และ Balenciaga แบรนด์แฟชั่นหรู ได้ประกาศจับมือร่วมกับ Epic Games ผลิตเสื้อผ้ากับของแต่งกายในลวดลาย Fortnite ทั้งในเกมชื่อเดียว และผลิตภัณฑ์ในชีวิตจริง

แหล่งที่มา : https://row.burberry.com/c/collaborations/minecraft-burberry-partnership/
    
    ในโลกยุคปัจจุบันนี้นับว่าเป็นยุคที่เทคโนโลยีนั้นพัฒนามาไกลมากๆล้ำสมัยแถมยังเข้าถึงง่าย ซึ่งเกมก็เป็นสิ่งที่ให้ความบันเทิงที่ไม่ว่าวัยใดไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สามารถเข้าถึงได้เพียงแค่มีโทรศัพท์มือถือก็สามารถที่จะเล่นได้แล้ว ในปัจจุบันนี้ก็มีเกมมือถือที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เช่น เกมส์แนว 
- MOBA (หรือชื่อเต็ม multiplayer online battle arena  เป็นเกมต่อสู้กันระหว่างผู้เล่นสองฝ่าย โดยผู้เล่นจะสามารถเลือกตัวละครในการเล่นเกมได้ ซึ่งตัวละครในเกมแต่ละตัวนั้นจะมีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป หรือที่เรียกว่า มีสกิลที่ไม่เหมือนกันนั่นเอง สำหรับการเล่น เกม moba ผู้เล่นทุกคนที่เข้ามาเล่นจะต้องมีเทคนิคการเล่นและทักษะการเล่นเฉพาะตัวด้วย เพื่อจะได้เอาชนะการเล่นได้ง่ายขึ้น ส่วนในการต่อสู้ในเกมนั้นก็จะสามารถเลือกซื้อไอเทมต่าง ๆ เพื่อที่จะได้ช่วยให้ตัวละครมีความสามารถที่เก่งขึ้นนั่นเอง ตัวอย่างเกมเช่น Garena Rov : Arena of Valor, League of legends,Dota2 เป็นต้น)
- MMORPG (ย่อมาจาก MASSIVE MULTIPLAYER ONLINE ROLE-PLAYING GAME เป็นเกมที่มีผู้เล่นหลายคนเข้ามาเล่นในเวลาเดียวกัน ผ่านระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ โดยตัวเกมจะมีรูปแบบที่หลากหลายต่างกันออกไป ซึ่งแท้แล้ว MMORPG มีรากฐานมาจากเกมแนว RPG ซึ่งเป็นเกมที่มีการดำเนินเนื้อเรื่องให้ผู้เล่นส่วมบทบาทเป็นตัวละครตัวหนึ่งในเกมหรือเกมที่ถูกวางระบบเอาไว้เรียบร้อยแล้ว โดยการเล่นผู้เล่นจะต้องดำเนินเกมตามโครงเรื่องที่ถูกกำหนดไว้ ซึ่งจะมีกติกา หรือเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เกมกำหนดไว้ให้ แต่ MMORPG  คือเกมแนวเดียวกับ RPG เพียงแต่นำคำว่า MMO มารวมอยู่ด้วย ทำให้รูปแบบของเกมแนวนี้มีผู้เล่นเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของโลกก็สามารถเล่นด้วยกันได้ผ่านระบบออนไลน์ ที่ให้ผู้เล่นดำเนินเรื่องโดยไม่ต้องใช้ AI หรือตัวละครบอท แต่ก็จะใช้วิธีการเล่นที่ดำเนินตามท้องเรื่องเหมือนกับ RPG ที่สามารถสะสมประการณ์เพิ่มเลเวล เพิ่มทักษะได้เหมือนกัน เพียงแต่ผู้เล่นจะร่วมทีมกับเพื่อนในโลกออนไลน์แล้วพากันตะลุยด่านต่าง ๆ เก็บค่าประสบการณ์จากกิจกรรมเควสต่าง ๆ ได้ด้วยกัน ทำให้มีความสนุกมากกว่า ตัวอย่างเกมเช่น Ragnarok Online, Blade and Soul, world of warcraft 2 เป็นต้น)
- Simulation Game (หรือเกมแนวจำลองสถานการณ์ คือหมวดหมู่ของเกมที่ผู้เล่นจะได้เล่นเกมจำลองกิจกรรมบางอย่างที่เหมือนกับในโลกแห่งความเป็นจริงอย่างใกล้ชิดและมากที่สุดเท่าที่คนทำเกมเกมหนึ่งจะทำออกมาได้ โดยแต่ละเกมจะพยายามจำลองสถานการณ์และกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นงานหลักของอาชีพนั้น ๆ ในชีวิตจริง มาใส่ระบบของวิดีโอเกมให้เราได้ทำกัน บางเกมก็จริงจังจัดเต็ม บางเกมก็เน้นความบันเทิง และมักจะไม่ค่อยมีเป้าหมายอะไรที่ชัดเจนในเกมนัก เพราะเป้าหมายหลักคือให้ผู้เล่นดื่มด่ำไปกับสถานการณ์จำลองให้มากที่สุดเท่าที่ทีมทำเกมจะทำออกมาได้ แถมมันยังมีหลากหลายแนวให้เราได้เล่นกันในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นการจำลองสงคราม การทำธุรกิจ บทบาทสมมติต่าง ๆ มากมาย ตัวอย่างเกมเช่น The Sim 4, Stardew Valley, Goat simulator ,VR Chat เป็นต้น)
 

แหล่งที่มา :
https://leagueoflegends.fandom.com/wiki/Map_(League_of_Legends)

ตัวอย่างเช่นแนว MOBA หนึ่งในเกมส์ยอดฮิตเช่นเกม Garena RoV : Arena of Valor ที่มียอดดาว์นโหลดมากกว่า 50 ล้านดาวน์โหลดเข้าไปแล้ว ซึ่งในเกมนี้ก็มีหลากหลายตัวละครให้เราเลือกเล่นหลากหลายตำแหน่ง แถมในเกมยยังมีขายไอเทมที่เรียกว่า สกิน (Skin)” คือสิ่งที่เปลี่ยนรูปแบบ เสื้อผ้า เสียงพากย์ให้แก่ตัวละคร ซึ่งสกินนั้นมีหลายระดับคลาส แต่ละคลาสจะราคาไม่เท่ากัน ถ้าสกินยิ่งมีราคาแพงมากเท่าไร สกินจะยิ่งสวยมากขึ้น ซึ่งจุดขายของเกมนี้คือด้วยเวลาการเล่นอยู่ที่ 15-30 นาที และเล่นง่ายบวกกับการขายสกิน บอกได้เลยว่าสามารถทำกำไรได้อย่างง่ายดายและสามารถดึงดูดแฟนๆชาวเกมไว้ได้หลายคนเลยทีเดียว ซึ่งไม่นานมานี้ทาง Garena เจ้าของลิขสิทธิ์เกมนี้ได้ทำการ Collaboration(การร่วมงาน) กับอนิเมะญี่ปุ่นชื่อดังเรื่อง Hunter X Hunter ซึ่งเป็นอนิเมชั่นญี่ปุ่นที่หลายๆคนชื่นชอบ ซึ่งในก่อนหน้านี้ก็มีอนิเมชั่นญี่ปุ่นๆหลายๆเรื่องร่วม Collaboration มาก่อนหน้านั้นด้วย และด้วยการโปรโมทที่ร้อนแรง เหล่าแฟนเกมก็แห่กันซื้อสกินที่ Collab กับ Hunter X Hunter อย่างล้นหลาม เหตุการณ์นี้เรียกว่า “Trickle-down effect” หมายความว่า การแผ่ขยายของแฟชั่นจากชนชั้นสูงลงมาสู่ชนชั้นล่าง ในอดีตแฟชั่นของชนชั้นสูงคือแต่งตัวสวยงามเครื่องประดับแวววับ ทำให้ชนชั้นล่างเกิดอยากที่จะทำตาม ถ้าจะให้นึกภาพง่ายๆก็เหมือนเราพยายามที่จะเต้น Cover เพลงของวง 4EVE Trickle-down effect สามารถเกิดได้หลายรูปแบบคือคนดังแผ่ขยายอิทธิพลหรือคนทั่วไปเองก็ได้เช่นกัน แต่ในเหตุการณ์นี้เกิดในรูปแบบของคนดังแผ่ขยายอิทธิพลมาสู่คนทั่วไปและสื่อนสังคมปัจจุบันทำให้อิทธิพลสามารถแผ่ขยายได้ในวงกว้าง เช่น คลิปบนยูทูปช่อง กายหงิด รีวิวสกิน Gon Freecss ซึ่งมียอดรับชมหลักแสนคน


แหล่งที่มา :https://youtu.be/nvQjo7d_agw?si=DVWZm6RN_cEHJ3-z


ในปัจจุบันนี้การเลือกเสื้อผ้าในโลกเสมือนจริงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจริงจังเพราะในเรื่องของภาพลักษณ์ของตัวละครเสมือนของตนเอง มันสามารถบ่งบอกได้ถึงภาพลักษณ์ ฐานะ ความชอบของตัวเราได้จากเสื้อผ้าที่เราเลือกสรรให้แก่ตัวละคร หรือแม้กระทั่งภาพลักษณ์ที่อยู่ในอุดมคติที่ไม่สามารถทำให้เป็นจริงในโลกแห่งความจริงได้ จากตัวอย่างของเกม Garena RoV : Arena of Valor ที่มีไอเทม สกิน (Skin)” วางจำหน่ายในเกม ซึ่งอย่างที่กล่าวไปข้างต้นสกินนั้นมีหลายระดับคลาสและราคาไม่เท่ากันเพราะฉะนั้นคนที่ซื้อสกินที่มีราคาแพง มักจะมีหน้ามีตาในเกมมันดูน่าเกรงขามสามารถข่มขู่ฝั่งตรงข้ามได้ระดับนึง เหมือนกับที่ นักปรัชญา Baudrillard ได้นิยามเอาไว้คือการให้แบรนด์กับสิ่งที่บริโภค การที่ผู้เล่นจะซื้อสกินก็ต้องมีการตัดสินใจที่จะซื้อก่อนในเบื้องต้นเพราะราคามันสูงแต่ถ้าเกิดผู้เล่นตัดสินใจที่จะบริโภคแปลว่าให้แบรนด์กับสกินนั้น ในเกมไม่ว่าจะเป็นคนที่บริโภคเองหรือผู้เล่นอื่นๆที่เห็นสกินแพงๆอันนั้นก็จะให้ค่าให้แบรนด์ของสกินนั้นโดยอัตโนมัติ ซึ่งอาจจะมีเรื่องค่านิยมมาเกี่ยวข้องด้วยเพราะการที่จะให้แบรนด์กับสิ่งนั้นได้ก็จะต้องดูหลายองค์ประกอบ ตัวอย่างเช่น สิ่งนั้นอาจจะมีแบรนด์เดิมทีอยู่แล้วก็ได้ เช่น เสื้อลายเด็กทารกถือโดนัทธรรมดาๆแต่มันกลับเป็นแบรนด์เสื้อผ้า acmé de la vie (แอคเม เด ลา วี) สิ่งนี้ก็จะถูกเชิดชูมูลค่าเข้าไปอีก หรือ สิ่งนั้นผู้คนที่มีอิทธิพลหรือคนดังซื้อ ผู้คนก็จะซื้อตามและให้แบรนด์กับสิ่งนั้นด้วยเหตุเพราะความโด่งดังของมัน เป็นต้น

แหล่งที่มา : https://en.acmedelavie.com/product/acm%C3%A9-de-la-vie-adlv-baby-face-short-sleeve-t-shirt-black-donuts-1-r/2070/category/36/display/1/



แหล่งที่มา :https://news.seagm.com/th/valor-pass38-rov/

แฟชั่นในโลกเสมือนกับโลกความจริงมันมีเส้นบางๆกั้นอยู่ หมายความว่าทั้งสองโลกเหมือนกันเลย ความสวยงาม ภาพลักษณ์ และที่สำคัญที่สุดคือคุณค่าทางใจ ไม่ว่าจะบริโภคแฟชั่นในโลกเสมือนจริงหรือโลกจริงก็ตามถ้าเรามีความชอบก็สามารถบริโภคได้เลยไม่มีถูกไม่มีผิด อยู่ที่คนบริโภคเองที่จะบริโภคแฟชั่นที่มีอยู่ได้หมดหรือไม่ แฟชั่นดีไซน์เนอร์ เจ้าของแบรนด์ต่างๆ ผู้พัฒนาเกม ต่างที่จะคอยสนองความต้องการของผู้บริโภคอยู่แล้วนั่นเอง 








 



“ZARA ผู้บุกเบิก Fast Fashion จนเป็นแบรนด์แฟชั่นระดับโลก”

  รูปภาพจาก : https://www.marketingoops.com/campaigns/social-media-marketing-digital/zara-no-model/     การแข่งขันทางการค้าขายมีมาตั้งแต่สมั...